ช่วงอากาศร้อนเหลือหลาย ใครๆ ก็ไม่แคล้วต้องมองหาครีมกันแดดมาทาป้องกันผิวจากรังสียูวี จะเลือกอย่างไรดี เรามีเคล็ดลับวิธีมาบอกกัน
สิ่งแรกที่ต้องรู้จักคือ ค่า SPF ที่อยู่บนฉลาก บางคนอาจสงสัยว่ามันคืออะไร
ค่า SPF คือค่าที่บอกถึงประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVB
ค่า SPF บนฉลากครีมกันแดดอาจมีตั้งแต่ 15 ถึง 100 กว่าก็มี
อยากรู้ว่าค่า SPF ป้องกัน UVB ได้เท่าไร ดูตรงนี้...
SPF 2 ป้องกัน UVB ได้ 50%
SPF 8 ป้องกัน UVB ได้ 87%
SPF 15 ป้องกัน UVB ได้ 93%
SPF 20 ป้องกัน UVB ได้ 95%
SPF 30 ป้องกัน UVB ได้ 97%
SPF 50 ป้องกัน UVB ได้ 98%
จากค่า SPF ดังกล่าว จะเห็นได้ว่า SPF ที่สูงขึ้นเท่าตัว ไม่ได้แปลว่าจะป้องกัน UVB ได้มากขึ้นเท่าตัวนะคะ
มาถึงตรงนี้ หลายๆคอาจจะสงสัยว่า SPF ค่าต่างๆ ปกป้องผิวจากแดดได้นานแค่ไหน ?
ปกติถ้าไปออกแดดโดยไม่ทากันแดด ผิว(คนไทย)จะแสบร้อนไหม้แดดภายใน 20 นาที
SPF1 ป้องกันผิวไหม้แดดได้นาน = 20 นาที
SPF15 ป้องกันผิวไหม้แดดได้นาน = 15x20 = 300 นาที (5 ชม.)
SPF30 ป้องกันผิวไหม้แดดได้นาน = 30x20 = 600 นาที (10 ชม.)
SPF50 ป้องกันผิวไหม้แดดได้นาน = 50x20 = 1000 นาที (16 ชม.)
SPF80 ป้องกันผิวไหม้แดดได้นาน = 80x20 = 1600 นาที (26 ชม.)
SPF100 ป้องกันผิวไหม้แดดได้นาน = 100x20 = 2000 นาที (33 ชม.)
การใช้กันแดด SPF มากกว่า 50 จึงเป็นเรื่องเกินความจำเป็น
เพราะชีวิตประจำวัน เราต้องถูกแดดนานขนาดนั้นเชียวหรือ ? อย.ของอเมริกาจึงรับรองกันแดดที่มีค่า SPF ไม่เกิน 50 เท่านั้น
แล้วถ้างั้น ผิวแบบสาวไทยใช้ SPF เท่าไหร่ดี ?
สาวไทยจะมีสีผิว แบ่งเป็น 3 แบบ
1. ผิวขาวอมชมพู แบบนี้บอบบางมาก เกิดผิวไหม้แดดได้เร็ว ควรใช้ SPF30 – 45
2. ผิวขาวอมเหลือง แบบนี้มีเม็ดสีเมลานินอยู่ปานกลาง จึงทนต่อแดดได้บ้าง ควรใช้ SPF30
3. ผิวคล้ำหรือสีน้ำผึ้ง แบบนี้มีเม็ดสีเมลานินสูง แต่มีประโยชน์เพราะเกิดผิวไหม้แดดน้อยกว่า ใช้ SPF15 ก็เพียงพอแล้ว
แต่ถ้าใครมีผิวขาวโอโม่แบบสาวยุโรป แนะนำ SPF50 ขึ้นไป
ส่วนใครที่มีปัญหาฝ้า กระอยู่ หรือเป็นคนผิวไวต่อแดด หมองคล้ำได้ง่าย ก็อาจใช้ SPF ที่สูงขึ้นจากที่แนะนำได้ค่ะ