1) สำหรับมือใหม่ หลักการใช้เสริมอาหารนั้น อย่าจำว่าสารอะไรแก้โรคใด หรือส่วนประกอบใดออกฤทธิ์อย่างไร เพราะส่วนใหญ่สรรพคุณครอบ จักรวาลคล้ายๆ กัน แต่ให้จำว่า "โรคใดใช้สารอาหารใดเป็นตัวหลัก โดยต้องรู้ด้วยว่าชื่อสารอาหารนั้นคือสินค้าใด" เช่น
อย่าจำว่าหลินจือมีสารสำคัญอะไรแก้โรคใดได้บ้าง แต่ให้จำว่าหอบหืดใช้อะไรแก้ มะเร็งใช้อะไรแก้ เป็นต้น ส่วนขนาดวิธีใช้ในแต่ละปัญหานั้นต้องจดไว้ เพราะหาตำราทั่วไปในท้องตลาดไม่ได้ เช่น
2) ปวดศีรษะไมเกรน อาจขาดแมกนีเซียม บี3 ไนอาซิน หรือสารกาบา บางคนดื่มน้ำแมกนีเซียมหายปวดไปนานๆ ก็เลิกดื่มแล้วก็ปวดไมเกรนอีก อาจนึกว่าโดนเลี้ยงไข้ ติดยาไยไม่หายขาด ก็อธิบายได้ว่าอาการปวดไมเกรนของผู้นั้นไวต่อการขาดสารแมกนีเซียม ขนาดแมกนีเซียมที่ร่างกายต้องการคือวันละ 6 มก./กก.น้ำหนักตัว
3) เครียด นอนไม่หลับ สมาธิสั้นก็อาจขาดแมกนีเซียม น้ำมันปลา น้ำมันปลานั้นปกติเราก็ใช้วันละ 1x3 ส่วนน้ำแมกนีเซียมใช้จิบดื่มแทนน้ำได้ทั้งวัน
4) หืดแล้วไม่จับหอบได้ด้วยหลินจือสกัด ขนาดที่ใช้เมื่อเจ็บป่วยคือ ครั้งละ 3 ถึง 5 เม็ดวันละ 2 ครั้งแล้วแต่อาการป่วยมากน้อย ทำไมต้องเป็นหลินจือนั้นอธิบายว่าโรคหืดเป็นภูมิแพ้ที่แก้ไขไม่ได้ เมื่อกระทบอากาศสิ่งแวดล้อมเปลี่ยน หรือเกิดเครียดจัดมักจับหืดแล้วหอบ การที่หอบหายใจไม่ออกเพราะหลอดลมตีบ หลอดลมตีบก็เพราะเกิดการอักเสบแล้วผนังบวมจนรูท่อทางออกเเคบลง แต่ก่อนเราใช้วิธีพ่นยาขยายหลอดลมแก้ที่ปลายเหตุ ปัจจุบันหันมาแก้ที่อักเสบ เมื่อไม่มีอักเสบก็ไม่บวมไม่ตีบตัน จึงยาพ่นปัจจุบันเน้นที่ยาแก้อักเสบคือ สเตียรอยด์ แต่ก็ต้องรับผลพิษต่างๆ ของ สเตียรอยด์สังเคราะห์ ในขณะที่หลินจือ สกัดนั้นก็มีสารไตรเตอพีนอยด์อันเป็นเสมือน สเตียรอยด์ธรรมชาติ ช่วยลดการอักเสบได้ แต่ไม่ก่อพิษ
5) สะเก็ดเงินมักขาดน้ำมันปลาโอเมก้า3 ใช้ขนาด 1x3 ต่อวันเสริมด้วยน้ำมันมะพร้าว VCO 2 ชต. x2 เช้า เย็น
6) ความดันสูง ให้ใช้โคคิวเทนเป็นสารหลัก หากร่วมกับการลดเค็มลดเกลือเพิ่มผักผลไม้ออกกำลังกายร่วมด้วยก็หายขาดได้โดยไม่ต้องใช้ยาขับปัสสาวะ ขนาดที่แนะนำคือ 1x3 ถึง 2x3
7) เหงือกอักเสบบ่อยๆ ก็ลองเพิ่มโคคิวเทน 1x3
8) โรคขาอยู่ไม่สุข กระดิกสั่นตลอดเวลาหรือ RLS ทางการแพทย์พบว่ามีส่วนเกี่ยวกับการขาดธาตุเหล็ก
9) ปวดข้อ ข้อเสื่อม...ใช้สารสกัดขมิ้นชันลดอักเสบนั้นดีกว่ากินยากลุ่มเอนเสดกัดกระเพาะตับไตพังเป็นไหนๆ ขนาดที่ใช้ต้องได้ครั้งละ 2 เม็ด 3 เวลา ติดต่อกันเป็นเดือน หากได้ผลแนะนำให้ใช้ต่อเนื่องครบ 8 เดือนจึงจะหายขาด อันนี้เป็นรายงานผลการวิจัยของภาควิชาเวชศาสตร์ฟื้นฟูคณะแพทยศาสตร์ศิริราช ที่ให้ผู้ป่วยทานขมิ้นสกัดขนาดเม็ดละ 250 มก.ครั้งละ 2 เม็ดวันละ 3 เวลาเป็นเวลา 28 วัน พบว่าอาการปวดข้อลดลง ใช้ข้อได้ดีขึ้น ผลการตรวจเลือดเปรียบเทียบก่อน / หลังทานยา ไม่พบผลที่แสดงพิษต่อตับไตเม็ดเลือดขาวและเม็ดเลือดแดง อีกทั้งอาการปวดท้องท้องอืดเฟ้อน้อยกว่ายาไอบูโพรเฟน
10) ปวดข้อรูมาตอยด์...น้ำมันปลาที่ใช้ในยามปกติครั้งละเม็ดสามเวลา แต่จะแก้โรครูมาตอยด์ต้องทาน 3x3 นานเป็นเดือนๆ การที่ต้องทานปริมาณมากและต่อเนื่องยาวนานนั้น จำเป็นต้องเลือกใช้น้ำมันปลาซึ่งผ่านการสกัดซ้ำรีดสารปนเปื้อนออกมากที่สุดคือเกรดยา อีกผลพลอยได้คือได้น้ำมันปลาแบบเข้มข้นเม็ดเล็กกลืนง่าย
11) อาการร้อนวูบวาบเหงื่อไหล ตกใจสั่น หรืออาการวัยทอง…ฮอร์โมนจากพืชไฟโตเอสโทรเจนใช้ทดแทนฮอร์โมนสังเคราะห์ได้ดี ทั้งป้องกันมะเร็งอีกด้วย ขนาด 1x3
12) มะเร็งร้ายหากเป็นแล้วแนะนำช็อคเทอราปีด้วยหลินจือสกัดขนาดสูงถึงวันละ 60 เม็ดโดยแบ่งเป็น 20x3 ทุกวัน ลองดูสักสัปดาห์หากอาการดีขึ้น สดชื่นแจ่มใสทานอาหารได้มากขึ้นก็สมควรลงทุนใช้ต่อไป อีกทั้งไม่ขัดขวางเคโมรังสีรักษาหรือผ่าตัด แต่ช่วยลดอาการพิษแห่งยาได้ด้วย เหตุที่ต้องใช้ขนาดสูงอธิบายได้ว่าสารเยอมาเนียมในหลินจือเป็นตัวปล่อยประจุกระแสไฟไปช็อต หรือช็อคเนื้อร้าย การที่จะช็อคก้อนมะเร็งได้นั้นต้องมีกระแสไฟมากพอจึงจะทำให้เนื้อร้ายตาย โดยต้องทำต่อเนื่องยาวนานด้วย จึงแนะนำว่าลองดูผลสักสัปดาห์ หากอาการกระเตื้องก็ยังต้องช็อตต่อไปจนสิ้นเนื้อร้ายทั้งหมดจึงจะหายขาดได้ นอกจากการใช้สารเยอมาเนียมจากหลินจือช่วยช็อคเชื้อมะเร็งแล้ว หากได้เสริมเบต้ากลูแคนสกัดขนาดสูง เช่น 10x2 / วัน อีกตัวหนึ่งจะยิ่งช่วยเพิ่มพลังแมคโครเฟจตัวกัดกลืนสิ่งแปลกปลอมเชื้อมะเร็ง ช่วยสยบเนื้อร้ายเพิ่มโอกาสหายได้มากขึ้น ที่ดีสุดๆ คือการลงทุนนี้ไม่มีความเสี่ยง เพราะหลินจือจัดชั้นเป็นสมุนไพรประเภทดี 1 คือกินมากๆ นานๆ ได้ มีแต่คุณไม่ก่อพิษ เสียเพียงเงินที่จ่ายไปนิดหน่อยกับการยื้อชีวิตได้นั้นมันสุดคุ้ม !
13) เป็นหวัด เจ็บคอต้องรีบเติมเบต้ากลูแคน 10x2 กับวิตามินซีปริมาณสูงกว่าปกติเข้าไว้
14) สิวเรื้อรัง...อาจเพราะร่างกายขาดสาร สร้างภูมิต้านทานฆ่าเชื้อโรค จึงต้องอย่าให้ขาดซิงค์แร่ธาตุสังกะสี เริ่มด้วย 1x2 ในสัปดาห์แรกแล้วลดเหลือ 1x1 ตลอดไป ช่วยให้รอยแผลสวย
15) คนที่ชอบทานพาราเป็นประจำอาจสังเกตได้ว่าผิวมักคล้ำไปหน่อยเพราะร่างกายต้องใช้กลูต้าไปล้างพิษของพารา ทำให้ขาดแคลนกลูต้าไปสกัดกั้นการสร้างสีผิวดำคล้ำ แบบนี้การเติมกลูต้าน่าจะช่วยได้บ้าง แต่ทางที่ดีหลีกหนีพาราเสียดีกว่า เพราะไม่ใช่ว่าพิษพาราเพียงพาดำ แต่ยังพาตับวาย ตายฉับพลันแบบไหลตายไปเฉยๆ !
16) เบาหวาน...ต้องใช้ชีวโมเลกุลเซลล์ตับอ่อนไปเสริมสร้างตับอ่อนให้ฟื้นตัวกลับมาสร้างอินสุลินได้เอง ทำให้สามารถลดการฉีดอินสุลิน ขนาดอมใต้ลิ้นคือวันละ 1x3
17) โรคไต…นั้น ใช้ชีวโมเลกุลเซลล์ไตไปฟื้นฟูเนื้อไตที่ยังเหลืออยู่ช่วยลดการล้างไตออกไปได้ ขนาดอมใต้ลิ้น 1x3 ยังมีหลินจือสกัดอีกอย่างเดียวที่ไปช่วยลดใยแผลเป็นไฟโบรสิสที่ยึดรั้งเนื้อไต ใช้ขนาด 3x3
18) สมองเสื่อมอัลไซเมอร์ / พาร์กินสัน มือสั่นเดินส่าย...ลองทาน VCO (น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์สกัดเย็น) คราวละ 2 ชต.เช้าเย็น พิสูจน์ผลโดยให้ผู้ป่วยเขียนรูปนาฬิกาก่อนใช้ อีกสัปดาห์หลังทาน VCO ให้เขียนซ้ำใหม่ หากลายเส้นชัดเจนกว่าครั้งแรกใช้ ก็สมควรลงทุนต่อไป อีกทั้งไม่ขัดกับยารักษาแผนปัจจุบัน เพราะ VCO นั้นสามารถดูดซึมผ่านเยื่อกั้นสมองเข้าไปเป็นอาหารเซลล์สมองให้มีใช้สร้างพลังงานได้โดยตรง ตัวช่วยอื่นคือ โคคิวเทน น้ำมันปลา
19) ตกขาว คันในช่องคลอด...อาจจากเชื้อราซึ่งน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น VCO ใช้เช็ดล้างช่วยได้
20) ภูมิเพี้ยน ไมแอสทีเนียแกรวิส โรคหนังแข็ง กล้ามเนื้ออ่อนแรง ภูมิคุ้มกันทำร้ายตนเองนั้น...ต้องเติม OPC ขนาดครั้งละ 1-3 เม็ด วันละ 3 เวลา เข้าไปช่วยต้านอนุมูลอิสระ ทั้งยังเสริมยาแผนปัจจุบันได้ดี
21) โคเลสเตอรอล ไขมันเลือดสูง...ก็น้ำมันปลา โดยองค์การอนามัยโลกแนะนำให้ทานน้ำมันปลา 1x3 ดีกว่าใช้ยาลดไขมัน
22) เสริมอาหารมีพิษไหม…ก็เหมือนอาหารทั่วไป มากเกินก็ล้นทางไต ทำให้ไตต้องทำงานหนักในการขับปัสสาวะ ที่ชัดเจนคือสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายหากไม่จำเป็น แต่พิษร้ายแรงแบบยานั้นแทบไม่พบ
แต่ก็มีที่ต้องระวังในการกินเสริมอาหารร่วมกับยาบางชนิด ที่อาจเสริมฤทธิ์กันเกิดอันตรายได้ เช่น น้ำมันปลากับแอสไพริน หรือยาละลายลิ่มเลือด อาจทำให้เลือดไหลไม่หยุด จึงหากเลือกได้ยอมจ่ายเพิ่ม เลือกน้ำมันปลาทิ้งแอสไพรินไป จะได้ประโยชน์ปลอดภัยกว่า
คนที่แพ้ยีสต์แพ้ข้าวหมากอาจต้องห้ามสารสกัดจากยีสต์ เช่น หลินจือ โคคิวเทน เบต้ากลูแคนที่สกัดจากยีสต์ราดำ
23) เสริมอาหารอะไรที่มากไปไม่ดี...ได้แก่สารอาหารที่ละลายในไขมัน เช่น วิตามิน A E D เพราะสะสมในตับ เป็นพิษได้ ส่วนโคคิวเทนกับกรดไลโปอิคนั้นก่อพิษได้น้อยมาก
24) กินตอนไหนดี...ก็คิดเหมือนทานอาหาร ช่วงท้องว่างดีสุด ตอนเช้าตื่นใหม่ๆ ดูดซึมได้ดี ไม่จำเป็นต้องกินหลังอาหารสามมื้อไปทุกรายการ หากต้องทานแบบวันละสามเวลาก็แบ่งช่วงเวลาทานคราวละ 6-8 ชม. หากจะทานวันละสองครั้งก็เช้าเย็นพอดี ลืมเวลาไปนิดหน่อยก็หยิบขึ้นมาใส่ปากได้ ให้ห่างช่วงก่อนหรือหลังอาหารสักชั่วโมงสองชั่วโมงยิ่งดี เพื่อว่าช่วงท้องว่างจะย่อยดูดซึมสารอาหารได้ดีกว่าคลุกเคล้าอยู่กับอาหาร ...ไม่ใช่ว่าบอกหลังอาหาร แต่ยังไม่ทานข้าวก็เลยต้องหุงข้าวกินก่อนจึงจะทานเสริมอาหารได้...ไม่ใช่ว่าลืมทานก่อนอาหารมื้อนั้นก็เลยต้องยกยอดไปทานก่อนมื้อหน้า ยกเว้นไม่กี่อย่าง เช่น ซิงค์หากบางคนกินแล้วเสียดไซ้ท้อง ก็นำมากินหลังอาหาร…โคคิวเทนละลายดูดซึมดีในไขมันก็ควรกินหลังอาหาร...ชีวโมเลกุลส่วนใหญ่ต้องอมใต้ลิ้น ! ยกเว้นองค์รวม...อย่างอื่นมักใช้หลักง่ายๆ ที่ว่ามาแล้ว
25) ทำไมฉลากบอกวันละเม็ด...เพราะเป็นขนาดมาตรฐานป้องกันโรคที่เกิดจากการขาดสารอาหาร แต่หากต้องการผลการรักษาต้องกินให้ได้ปริมาณมากพอ แต่ละอย่างแตกต่างกันในแต่ละปัญหาตามที่กล่าวมาแล้ว
26) เก็บยาในตู้เย็นดีกว่าไหม ?...ก็ดี หากเก็บไว้ได้ตลอดเวลา ไม่ใช่เข้าๆ ออกๆ แบบนั้นเก็บในอุณหภูมิห้องดีกว่า เพราะยาจะถูกดูดความชื้นออกไปขณะเข้าตู้เย็น ครั้นพอออกมาเที่ยวนานๆ ก็ดูดความชื้นเข้าไปใหม่ มีน้ำเข้าๆ ออกๆ ก็เปื่อยซะก่อนถึงวันหมดอายุ
27) มีแบบพร้อมดื่มไหม แบบนั้นต้องแต่งเติมเสริมรสชาติกลิ่นสีให้ดูดีชวนดื่มทำให้ต้องใส่น้ำตาลฟรัคโตสที่ดูดซึมเร็วทำให้รู้สึกสดชื่นทันใจเพราะหวานน้ำตาลขึ้น แต่แล้วก็เพลียไวเมื่อน้ำตาลลด ดื่มบ่อยๆ น้ำตาลในเลือดกระฉอกขึ้นลงแรง เบาหวานย่อมมาก่อนเวลาอันควร อีกทั้งเมื่อใส่น้ำตาลก็ต้องเติมสารกันบูดกันเน่า กลิ่นรสไม่ดีก็เติมสีแต่งกลิ่นด้วยสารเคมี ส่วนสิ่งดีๆ เช่น คาเทชิน เอนไซม์ทั้งหลายนั้นสลายตัวไปก่อนลงขวดนานแล้ว
28) บำรุงอะไรดีหลังออกกำลังกาย ?...ที่ต้องระวังคืออย่าดื่มน้ำเกลือแร่ทันทีหลังเสียเหงื่อมาก เพราะเลือดหนืดข้นจากการเสียน้ำทำให้หัวใจต้องออกแรงปั๊มมากอยู่แล้ว หากเติมเกลือแร่เข้าไปเลือดยิ่งข้นยิ่งเหนียวหนืด หัวใจปั๊มไม่ไหวก็น็อค ช็อคไปได้เลย จึงต้องดื่มน้ำเปล่าเป็นดีที่สุด หลังจากเข้าที่สดชื่นแล้วจะเติมสารใดค่อยว่ากัน
29) หมาแมวกินได้ไหม ? คนเลี้ยงสัตว์แสนรักมักนิยมนำเบต้ากลูแคนไปให้หมาแมวกินช่วยเสริมพลังให้มีภูมิต้านทาน ป้องกันโรค สร้างขนสวยสุขภาพแข็งแรงซึ่งพิสูจน์ได้ชัดเจน
30) ความรู้เพิ่มเติมในหนังสือการแพทย์บูรณาการ มีให้ยืมอ่านฟรีที่ศูนย์หมอมวลชนทุกสาขา